วันพุธที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2559

ข้อดี-ข้อเสียการใช้โทรศัพท์สมารทโฟน




ข้อดี-ข้อเสียการใช้โทรศัพท์สมารทโฟน


การใช้โทรศัพท์มือถือ หรือที่เรียกกันติดปากว่า  “มือถือ” 
ซึ่งเป็นอุปกรณ์สื่อสารที่เรียกได้ว่าเป็นที่นิยมแพร่หลาย และเข้าถึงได้ง่ายในโลกปัจจุบัน ก็มีประเด็นให้ถกเถียงกันในแง่ปัญหาสุขภาพอยู่ไม่น้อย เนื่องด้วยลักษณะการใช้งานของโทรศัพท์มือถือที่ต้องสัมผัสแนบศีรษะและหู เพื่อให้ได้ยินเสียง และพูดผ่านไมโครโฟนภายในเครื่อง เมื่อสนทนาต่อเนื่องเป็นเวลานาน ผู้ใช้จะรู้สึกได้ถึงความร้อนที่เกิดขึ้น รวมถึงหลักการของสัญญาณคลื่นไมโครเวฟที่นำมาใช้กับโทรศัพท์มือถือ ก็ได้ก่อให้เกิดความกังวลเรื่องความร้อนและพลังงานรังสี การใช้งานโทรศัพท์มือถือในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา เพื่อติดต่อสื่อสารพูดคุยโดยทั่วไป แต่ในปัจจุบันเทคโนโลยีมากมายถูกนำมารวมไว้ในโทรศัพท์มือถือ เพื่อความสะดวกและประโยชน์ใช้สอย ไม่ว่าจะเป็นการเล่นอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือ การถ่ายภาพ การจัดเอกสารข้อมูล รวมไปถึงการดูโทรทัศน์ ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมต่าง ๆ เทคโนโลยีเหล่านี้ทำให้ผู้ใช้งานต้องมองหน้าจอมือถือมากขึ้นและเป็นที่น่าสนใจของวัยรุ่นมากขึ้นโดยมีการสุ่มการทำแบบประเมินการเปรียบเทียบระหว่างนักเรียน-นักศึกษา และบุคคลทั่วไป ดังนี้



จะเห็นได้ว่า วัยรุ่น(นักเรียน-นักศึกษา)มีการใช้โทรศัพท์มือถือมากกว่าผู้ใหญ่(บุคคลทั่วไป) วันนี้เราก็เลยเอาข้อดี-ข้อเสีย ของโทรศัพท์มือถือและการใช้โทรศัพท์มือถือมาฝากค่ะ

ข้อดี
1.ใช้สื่อสารทางไกลได้



2.สามารถ ถ่ายภาพ ติดตามข่าวสาร ท่องอินเตอร์เน็ตได้สะดวกรวดเร็ว


3.ช่วยให้การทำงานง่ายขึ้น บางทีอาจสามารถใช้แทนคอมพิวเตอร์ได้เลย


4.พกพาสะดวก 


5.สามารถขอความช่วยเหลือได้ทันทีหากเกิดเหตุด่วน



6.ช่วยเตือนความจำได้


ข้อเสีย
1.ทำให้เสียอารมณ์ หากโทรศัพท์มือถือดังในช่วงที่คุณต้องการความสงบ มีสมาธิ หรือเวลาอะไรก็ตามที่คุณมีความสุข


2.อาจทำให้เกิดอาการประสาทหลอน เช่น ได้ยินเสียงโทรเข้ามาซ้ำๆ


3.ทำให้เกิดอาชญากรรมอันถึงแก่ชีวิตได้ ถ้าหากโทรศัพท์ของคุณเป็นที่ต้องการของโจร


4.ทำให้อารมณ์ร้อนของคุณ มีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น เพราะคุณจะใช้การโทรศัพท์ในการเผยแพร่ มากว่าจะอยู่กับตัวเองทบทวนปัญหา


5. ทำให้เป็นภาระทางการเงิน 


6.ทำให้สมองของคุณฟ่อลง คุณจะพึ่งพาความจำของเครื่องโทรศัพท์แทน


7.เป็นภาระ เช่นกลัวว่าจะหาย  กลัวจะลืม ฯลฯ


8.อาจติดโทรศัพท์มือถือจนไม่ทำอย่างอื่นเลย









9.อาจโดนล่อลวงจากคนที่รู้จักกันใน social network ได้ง่าย


อ้างอิง http://pantip.com/topic/32621896




วันเสาร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2559

ประวัติผู้จัดทำ


ประวัติผู้จัดทำ




ชื่อ ด.ญ.ภูชณิษา        หนูพลัด    ชื่อเล่น มิ้นท์    อายุ 14 ปี
เกิดวันที่ 15 เดือน มิถุนายน พ.ศ.2544
กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/3

คติประจำใจ   ทำวันนี้ให้ดีที่สุด

วันเสาร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2559

พัฒนาการโทรศัพท์มือถือ



พัฒนาการโทรศัพท์มือถือ





นักประวัติศาสตร์บอกว่าการศึกษาอดีตที่ผ่านมาจะทำให้เรามองเห็นอนาคตได้ ดังนั้นในวันที่อุปกรณ์สื่อสารแบบพกพามีอิทธิพลมหาศาลต่อการตลาดดิจิตอลเช่นนี้ การศึกษาถึงภาพรวมวิวัฒนาการโทรศัพท์มือถือจึงเป็นเรื่องน่าสนใจที่คนทั่วโลกไม่ควรพลาด


ทุกวันนี้คงจะปฎิเสธไม่ได้ว่าโทรศัพท์มือถือเข้ามามีบทบาทอย่างมากในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะโทรศัพท์สมาร์ทโฟนที่กำลังเป็นกระแสมาแรงอยู่ในตอนนี้ แต่เราเคยรู้กันรึเปล่าว่า ก่อนจะมาเป็นสมาร์ทโฟนสุดไฮเทคในปัจจุบัน โทรศัพท์มือถือในอดีตต้องใช้เวลาในการชาร์จพลังงานใหม่แต่ละครั้งมากกว่า 10 ชั่วโมง และมีราคาเครื่องหนึ่งสูงเกือบ 1 แสนบาท




เว็บไซต์ JellyvisionLab.com ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับวิวัฒนาการของโทรศัพท์มือถือในแต่ละยุคตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นจนมาเป็นสมาร์ทโฟนที่เราใช้กันอยู่ในตอนนี้ โดยได้เสนอผ่าน Infographic ว่าโทรศัพท์มือถือรุ่นแรกถูกผลิตขึ้นในปี 1983 หรือเกือบ 30 ปีที่ผ่านมา ซึ่งมีขนาดใหญ่พกพาลำบาก และมีราคาสูงถึง 3,995 เหรียญสหรัฐหรือราคาราว 1 แสนบาทของบ้านเราในสมัยนั้น หลังจากนั้นก็มีโทรศัพท์มือถือแบบใหม่ออกมาเรื่อยๆ ซึ่งต่างก็ถูกพัฒนาให้มีความทันสมัยทั้งในเรื่องของขนาด รูปร่าง รวมไปถึงคุณสมบัติการใช้งาน จนมาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญที่เริ่มมีการนำโทรศัพท์สมาร์ทโฟนมาใช้เป็นครั้งแรก ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากและก็มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนมาถึงยุคที่มีการแข่งขันอย่างดุเดือดของสมาร์ทโฟนจากค่าย Apple และ Android อย่างที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน

โทรศัพท์สมาร์ทโฟนได้รับการพัฒนาให้มีคุณณสมบัติในการใช้งานที่หลากหลายและสะดวกสบายเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้งาน Mobile Internet ที่สามารถใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา ซึ่งส่งผลทำโทรศัพท์สมาร์ทโฟนให้กลายเป็นกระแสมาแรงจนตอนนี้ทั่วโลกมีจำนวนผู้ใช้รวมกันมากกว่า 1 พันล้านคน

ส่วนกิจกรรมส่วนใหญ่ที่นิยมทำผ่านโทรศัพท์สมาร์ทโฟนก็คือ การรับส่งข้อความทุกประเภท (92%), ท่องเว็บ (84%), อีเมล (76%), ดาวน์โหลดแอพพลิเคชัน (69%), เกมส์ (64%), ใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์ก (59%) และกิจกรรมชมวิดีโอ-ฟังเพลง (48%) ยังรวมไปถึงการช็อปออนไลน์ ที่จัดว่าเป็นกิจกรรมอีกอย่างที่ขาดไม่ได้เช่นกัน ซึ่งเป็นจำนวนถึง 4 ใน 5 ของผู้ใช้สมาร์ทโฟนเลยทีเดียว

จุดนี้การสำรวจพบว่า ผู้ใช้ส่วนใหญ่นิยมใช้สมาร์ทโฟนในการเพื่อซื้อสินค้าทั้งที่อยู่ในบ้านด้วย เช่นเดียวกับเมื่ออยู่นอกบ้านหรือแม้แต่ขณะที่อยู่ในห้างสรรพสินค้า ซึ่งในปี 2012 ที่ผ่านมาพบว่ามียอดเงินรวมในการซื้อสินค้าผ่านสมาร์ทโฟนมากถึง 1.715 แสนล้านเหรียญสหรัฐ

นอกจากนี้ยังพบว่าไม่เพียงแค่โทรศัพท์สมาร์ทโฟนที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเท่านั้น ยังมีอุปกรณ์พกพาอย่างแท็บเล็ตที่ถูกพัฒนาไปพร้อมกันอีกด้วย โดยแท็บเล็ตได้กลายมาเป็นเทรนด์ใหม่แทนการใช้งานคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ (desktop) ในแบบเดิม ซึ่งกิจกรรมส่วนใหญ่ที่นิยมทำผ่านแท็บเล็ตคือการติดตามข่าวสาร (83%), อีเมล (54%), เครือข่ายสังคม (39%), เกมส์ (30%), อ่านหนังสือ (27%) และฟังเพลง-ชมวิดีโอ (13%)

วิวัฒนาการและความสำคัญของอุปกรณ์เหล่านี้ สะท้อนว่าช่องทางสำคัญในการทำธุรกิจยุคใหม่กำลังเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเช่นกัน


อ้างอิง http://thumbsup.in.th/2013/01/evolution-phone-to-smartphone/




สาเหตุที่ทำให้สมาร์ทโฟน มีปัญหา


สาเหตุที่ทำให้สมาร์ทโฟน มีปัญหา


Clean master app logo
มีหลากหลายสาเหตุที่อาจทำให้สมาร์ทโฟนคู่ใจของเรามีปัญหา เริ่มต้นด้วยเรื่องง่ายๆ ที่เก็บข้อมูลเต็ม เพราะวันๆ มีแต่รูปภาพและวีดีโอที่เราถ่าย นอกจากนี้อีกหลายๆ คนก็อาจมีปัญหามาจากการดาวน์ดโหลดแอพฯ มาทดสอบใช้งาน โดยกับของฟรีๆ แต่ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม เราสามารถแก้ไขปัญหาได้ง่ายๆ เพียงแค่ติดตั้ง แอพฯ ผู้ช่วยของแอนดรอยด์โดยเฉพาะที่ชื่อว่า Clean Maser ซึ่งเป็นฟรีแอพฯ ที่จะคอยตรวจสอบและจัดการขยะบนสมาร์ทโฟนให้หายหมดจนได้เพียงแตะ 1 - 2 ครั้งเท่านั้น ไม่เชื่ออย่าลบหลู่

Clean Maser (Cleaner) FREE

Clean Master app Andorid
  • ·         ปัจจุบันเป็นเวอร์ชั่น 5.0
    ·         มีผู้ดาวน์โหลดมากกว่า 100 ล้าน
    ·         ใช้งานง่ายเพียงแค่แตะ หรือจะเลือกลบไฟล์ที่เราไม่ต้องการจริงๆ ได้
    ·         สามารถกำจัดขยะบนสมาร์ทโฟน
    ·         สามารถปรับแต่งแก้ไขหน่วยความจำเต็ม
    ·         มีเมนูช่วยให้ uninstall app ได้โดยตรง
    ·         มีเครื่องมือในการตรวจสอบมัลแวร์ได้ด้วย
    ·         มีการใช้สีเป็นตัวแสดงสถานะ เช่น สีส้มถึงแดง หมายถึงมีปัญหามาก หรือมีขยะมาก เป็นต้น
    วิธีการใช้งาน Clean Master (Clener) FREE
    1.            ให้ดาวน์โหลดและติดตั้ง Clean Master (Cleaner) FREE
    2.            จะพบไอคอน Clenn Master แตะเพื่อเปิดแอพฯ
    3.            จะพบหน้าต่าง ดังภาพประกอบด้านบน ให้แตะเลือกไฟล์ที่ต้องการจัดการ
    o    Junk File ขยะจาการใช้งาน
    o    Memory Boost คำสั่งที่ช่วยความจำเพิ่มขึ้น โดยการลบแอพฯ ทีไม่ต้องการออก
    o    Securiyt & Privacy ตรวจสอบมัลแวร์ หรือไวรัส รวมทั้งระบบ security ในการใช้งานสมาร์ทโฟน
    o    App Manager สำหรับจัดการลบแอพฯ ที่ไม่ต้องการ
    4.            รอสักครู่ โปรแกรมจะตรวจสอบและแสดงคำสังให้เลือกจัดการ
    นอกจากนี้ เราจะพบแอพฯ อีกตัวหนึ่งชื่อ 1Tap Boost ทีจะช่วยเพิ่มหน่วยความจำของแรมได้แบบด่วน แค่แตะ ก็จัดการให้อัตโนมัติ
    สรุปภาพรวมการใช้ Clean Master ถือว่าใช้งานได้ง่ายมากที่สุดตัวหนึ่ง ใครสนใจคงต้องลองดูกันครับ..
    ท้ายที่สุดที่ทำให้เราไม่จำเป็นต้องคิดมาก นั่นคือเป็นแอพฯ ฟรีที่สามารถดาวน์โหลดมาลองเล่นได้ ส่วนตัวก็ติดตั้งอยู่ และรู้ว่าทำงานได้ค่อนข้างมีประสิทธิภาพมาก ใช้งานง่าย แตะปุ๊บจะสามารถเพิ่มหน่วยความจำของเครื่องได้ทันที แถมหน้าตาการใช้งานก็ดูดีมีชาติตระกูลอีกด้วย

อ้างอิง http://www.imotab.com/


7 หลักการเลือกซื้อมือถือ

หลักการเลือกซื้อมือถือ

1.ขนาดหน้าจอไม่ต่ำกว่า 4 นิ้ว
เรายังเห็นสมาร์ทโฟนจอเล็กกว่า 4 นิ้วในรุ่นที่ราคาต่ำกว่า 5 พันอยู่บ้าง แต่เชื่อเถอะครับ จอราวๆ 4 – 6 นิ้วเป็นขนาดที่กำลังเหมาะ ทั้งในแง่ของการดู การถือ การใช้งาน ไม่เชื่อลองดูพวกรุ่น 2 หมื่นกว่าๆ ก็ได้ ทำหน้าออกมาขนาดราวๆ นี้ทั้งนั้นแหละ ถ้างบไม่ถึงอดทนอีกนิดไปเลือกที่จอใหญ่กว่า 4 นิ้วดีกว่าเยอะ

2.ความละเอียดหน้าจอ 720p เป็นอย่างน้อย
ถ้าซื้อมาแล้วเห็นภาพถ่าย ดูวีดโอ เล่นเกม ภาพแตกไม่สวยมันก็น่ารำคาญใจไม่น้อย จะซื้อทั้งทีเลือกที่ความละเอียดหน้าจอเนียนสบายตาหน่อยดีกว่า ความละเอียดหน้าจอ 720p แม้จะไม่สบายตาเนียนเท่า Full HD แต่เท่าที่ลองใช้มาหลายตัว ความละเอียดเท่านี้ก็โอเคสมราคาแล้ว


3.ram(แรม) 1.5 GB ขึ้นไป
อย่าเด็ดขาด อย่าสอยมือถือ Android ที่แรมต่ำว่า 1 GB ลงไป อันที่จริงแรม 1 GB ก็พอใช้งานได้แหละ แต่ถ้าให้แนะนำจริงควรหารุ่นที่แรม 1.5 GB ขึ้นไปมากกว่า พวกรุ่นราคา 5,000-6,000 บาทนี่ก็มีหลายรุ่นเลยที่แรม 2 GB แต่ถ้างบไม่อำนวยจริงๆ อย่างน้อยแรม 1.5 GB ก็พอรับได้ครับ แต่อย่าสอย 1 GB หรือต่ำกว่าเด็ดขาด!

4.หน่วยความจำภายใน(Rom)ขั้นต่ำ 16 GB
ข้อนี้มีคนเถียงว่า มือถือเค้าใส่การ์ดหน่วยความจำเพิ่มได้ จะซีเรียสเรื่องหน่วยความจำไปทำไม?” ความจริงคือแอพเดี๋ยวนี้มีขนาดใหญ่มากขึ้น โดยเฉพาะแอพเกม แอพโซเชี่ยลทั้งหลาย และเจ้าแอพพวกนี้ไม่สามารถย้ายไปไว้ใน SD การ์ดได้ ทำให้หน่วยความจำภายในเต็มเอาดื้อๆ ป๋ารัก Mthai ซื้อรุ่นหน่วยความจำภายใน 8 GB มาใช้ ยังเซ็งไม่หายเลยทุกวันนี้

5.ลองกล้องให้ดีก่อนตัดสินใจความละเอียด 8 ล้านก็ไม่ได้แย่นะเออ
เรื่องกล้องนี่ยุคนี้เค้าไม่เน้นเรื่องความละเอียดกันเท่าไหร่แล้ว8 ล้านพิกเซล ถ้าแสงดี มุมเหมาะก็สวยได้ ไม่จำเป็นต้องหากล้อง 13 ล้านให้เหนื่อยและแพงเปล่า อยากถ่ายภาพสวยด้วยกล้องมือถือราคาถูกๆ 8 ล้านพิกเซลทำได้ครับ แต่เราต้องฝึกฝีมือการถ่ายภาพเพื่อชดเชยด้วยเช่นกัน



6.รองรับ 3G ให้ดีก่อน 4G LTE อย่าไปซีเรียสมาก
3G บ้านเราเดี๋ยวนี้ก็ถือว่าครอบคลุมเยอะแล้ว ส่วน 4G ยังมีแค่ในหัวเมืองใหญ่ที่สัญญาณดีๆ สปีดการใช้งาน 3G ก็ถือว่าดีเลยทีเดียว ดังนั้นเลือกรุ่นที่รองรับ 3G ทุกเครือข่ายหรืออย่างน้อยก็ตรงกับเครือข่ายที่ตัวเองใช้เอาไว้ก่อน ไว้อยู่ในเขตที่ 4G วิ่งประจำค่อยมองหามือถือรองรับ 4G กันอีกที

7.แบตเตอรี่ต้องอยู่ได้เกินวัน 2,500 mAH ขึ้นไปจัดว่าปลอดภัย
การที่มือถือแบตหมดระหว่างวันถือเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย ซึ่งอายุการใช้งานของแบตเตอรี่อย่างน้อยก็ควรจะอยู่ได้ตั้งแต่ออกจากบ้านไปเรียน ไปทำงานจนกลับบ้านมาชาร์จ ทั้งนี้การกินแบตของมือถือมันก็แตกต่างกันไปตามสเปคเครื่องอีก เพื่อความชัวร์ควรถามคนขายก่อนซื้อว่าแบตเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ซัก 2,500 mAH ขึ้นไปในรุ่นล่างๆ ก็อยู่พ้นวัน แต่ถ้าติดเกมมือถือต้องเล่นเกมบ่อยๆ ซื้อพาวเวอร์แบงค์เอาไว้ด้วยเลยชัวร์กว่า

อ้างอิง http://tech.mthai.com/mobile-tablet/49456.html